วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ประวัติวง Kreator



ช่วงนี้ผมย้อนกลับมาหาวงเก่าๆฟัง พร้อมๆกับเสพงานของวงแธรชในยุค 80 ฟังควบคู่กันไปด้วย จนมานึกได้ถึงวงแธรช เมทัลจากเยอรมันซึ่งเป็น 1 ใน 3 พลพรรค Teutonic Thrash และเป็นวงเดียวในกลุ่มนี้ที่ใช้มือกีตาร์เล่นพร้อมกัน 2 คน หลายๆคนก็คงรู้จักวงนี้กันดี ถูกครับ Kreator นั่นเอง พวกเขาเป็นอีกวงที่ควรค่าแก่การพูดถึงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงปีนี้ที่เราควรจับตาดูการเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะข่าวที่พวกเขาได้เซ็นสัญญาในการออกอัลบัมกับสังกัดยักษ์ใหญ่ในโลกเมทัลอย่าง Nuclear Blast ยังไงล่ะครับ เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปเจาะลึกกับวงนี้กันเลยครับ



Kreator เป็นวงแธรช เมทัลจากเมือง Essen ประเทศเยอรมันนี ตั้งวงโดยใช้ชื่อว่า Tormentor ในปี 1982 สไตล์การเล่นในช่วงแรกเป็นสปีด เมทัลที่มีอิทธิพลจาก Venom สไตล์การเล่นของพวกเขาคล้ายคลึงกับ Destruction และ Sodom อีก 2 วงแธรช เมทัลที่ยิ่งใหญ่ของเยอรมันนี นอกจากนี้ ทั้ง 3 วงยังมีส่วนช่วยเหลือเหล่าวงที่เป็นผู้บุกเบิกของดนตรีเดธ เมทัลด้วย เนื่องการนำสัดส่วนประกอบของดนตรีไปปรับใช้นั่นเอง

Kreator เริ่มเล่นดนตรีแธรช เมทัลแท้ๆในยุคแรก ก่อนจะนำดนตรี อินดัสเทรียล และ กอธิค เข้ามาผสมผสานในช่วงปี 1992 ถึง 1999 และกลับมาเล่นดนตรีแบบโอลด์สคูลแธรช เมทัลอีกครั้งอย่างในทุกวันนี้

เมื่อเริ่มต้น ทางวงใช้ชื่อวงว่า Tyrant สมาชิกประกอบด้วย Mille Petrozza ร้องนำ/กีตาร์ Jurgen 'Ventor' Reil กลอง และ Rob Fioretti มือเบส ไม่นานก็เปลี่ยนชื่อเป็น Tormentor และ ออกเดโมมา 2 ชุด ปี 1985 ทางวงได้เซ็นสัญญากับสังกัด Noise Records และเปลี่ยนชื่อวงเป็นครั้งสุดท้ายเป็น Kreator เนื่องจากทางสังกัดมีวงชื่อ Tormentor จากฮังการีอยู่แล้ว

Kreator อัดอัลบัมแรก Endless Pain ภายในเวลาเพียง 10 วัน มันกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงแบล็ค เมทัลและเดธ เมทัลรุ่นหลังๆมากมาย หลังจากออกอัลบัม ทางวงก็ได้จ้างมือกีตาร์ของ Sodom ชื่อ Micheal Wulf มาช่วยในการเล่นสดเพื่อโปรโมทอัลบัม

Wulf อยู่กับวงเพียงไม่กี่วัน และไม่ได้เล่นในอัลบัมถัดมาที่ชื่อว่า Pleasure to Kill ทั้งที่มีชื่อเขาในเครดิตด้วย ทางวงได้ Jörg "Tritze" Trzebiatowski มาเล่นกีตาร์แทน ซึ่งเขาได้เล่นในอัลบัมนี้ มันกลายเป็นผลงานคลาสสิคอัลบัมหนึ่งของวงการ ได้ Harris Johns (Helloween, Voivod) มาเป็นโปรดิวซ์เซอร์ อัลบัมนี้เป็นที่ถกเถืยงว่าเป็นอัลบัมที่เล่นได้หนักหน่วงและรวดเร็วที่สุดในสายเมทัล แสงให้เห็นถึงฝีมือและเทคนิคของวงที่เพิ่มพูนขึ้น เพลง "Flag of Hate" กลายเป็นเพลงที่โด่งดังไปทั่วทั้งวงการเมทัลในยุโรป จากการได้ Tritze มาร่วมวง ทำให้วงได้มีการออกทัวร์เป็นครั้งแรก (จากที่ก่อนออกอัลบัม Pleasure to Kill พวกเขาได้ออกเล่นสดรวมทั้งหมด เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น) ทางวงส่ง EP ส่งท้ายปี 1986 โดยใช่ชื่อว่า "Flag of Hate"

ปี 1987 ออกอัลบัมที่ 3 "Terrible Certainly" เพลงในอัลบัมมีคุณภาพเสียงดีขึ้นบวกดนตรีที่มีจังหวะที่ความซับซ้อนมากขึ้น ชุดนี้มีเพลงฮิตของวงอย่าง "Behind the Mirror" เป็นโบนัสแทร็ค ทางวงเริ่มโด่งดังขึ้นจากวิดีโอเพลง "Toxic Trace" ที่ได้ออกอากาศใน MTV รายได้ของทางวง ทำให้พวกเขาได้ออก EP ชื่อว่า "Out of the Dark ... Into the Light"

ปี 1988 สังกัดอิสระจากเบอร์ลินนาม Noise Records ก็โอนสัญญาของ Kreator ให้กับ Epic Records ทำให้ทางวงได้ออกทัวร์ไนยุโรปและที่ญี่ปุ่น ปี1989 อัลบัมแรกกับ Epic Records ก็วางแผง โดยมีชื่อว่า "Extreme Aggression" บันทึกเสียงที่ Los Angeles โดยยังคงรูปแบบของดนตรีที่ดุดันชุดก่อนไว้ เนื้อเพลงส่วนใหญ่นำเสนอเรื่องราวของสังคมมากขึ้น บวกกับโปรดิวซ์เซอร์อย่าง Randy Burns ผู้ผ่านงานกับ Megadeth ส่งให้ที่มันได้รับความนิยมในยุโรป อัลบัมนี้มีเพลงดังของวงอย่างไตเติลแทร็คและเพลง "Betrayer" ที่ยังคงได้ออกฉายในรายการ Headbangers Ball ของช่อง MTV ทางวงออกทัวร์อเมริกากับ Suicidal Tendencies ทำให้ได้ชื่อเสียงของวงขยับขยายมากขึ้นจากยุโรป

ปีเดียวกันนั้นเอง ผู้กำกับชาวเยอรมันชื่อ Thomas Schadt ก็ได้ถ่ายทำสารคดีของวง (โดยเน้นเรื่องราวของดนตรีฮฟวี่เมทัลในแถบ Ruhr) ใช้ชื่อว่า Thrash Altenessen (ตั้งตามเมือง Essen บ้านเกิดของวง) ปี 1990 ทางวงได้อดีตมือกีตาร์ของ Sodom นาม Frank "Blackfire" Gosdzik มาร่วมวง หลังจากการแยกทางของ Trize มือกีตาร์คนเก่า ในปีนั้นเอง ทางวงออกอัลบัม "Coma of Souls" ซึ่งไม่ได้รับการยกย่องมากเท่ากับงานชุดก่อน (อาจจะมาจากความเร่งรีบในการอัดเพลงและความซ้ำวากของดนตรี) แต่ความิยมและยอดขายยังคงที่ เพลง "When the Sun Burns Red" และ "People of the Lie" กลายเป็นเพลงฮิตของชุดนี้
ยุคตกต่ำของวงมาถึงในต้นยุค 1990 เมื่อดนตรีแธรช เมทัลดั้งเดิม เริ่มถูกหมางเมินจากสื่อ หลายวง เช่น Metallica และ Anthrax เริ่มเปลี่ยนแนวทางให้เข้ากับการตลาด Kreator ก็เริ่มทดลองดนตรีเดธ เมทัล และ อินดัสเทรียล เมทัลในช่วงนี้

ก่อให้เกิดอัลบัม "Renewal" ในปี 1992 ที่มีกลิ่นอายของโกธิค เมทัล และอินดัสเทรียล เมทัล ทำให้ได้แฟนกลุ่มใหม่ แต่ก็สร้างความผิดหวังให้กับแฟนกลุ่มดั้งเดิมของทางวงอย่างแรง จากที่เป็นวงที่แสดงสดได้อย่างเร้าใจ กลับกลายเป็นวงที่แสดงได้น่าผิดหวังซึ่งก็น่ามาจากอิทธิพลดนตรีอินดัสเทรียล เมทัล

หลังจากการอัดอัลบัม "Renewal" ทางวงก็ต้องสูญเสีย 1 ในแกนนำอย่าง Roberto Fioretti มือเบสยุคก่อตั้ง เนื่องจากเขาต้องการทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัว และถูกแทนที่โดย Andreas Herz ผู้ไม่ได้มีส่วนร่วมในผลงานใดๆของวงเลย ในปี 1994 Ventor มือกลองก็ออกจากวงไปอีก ทิ้ง Mille เป็นสมาชิกหลักไว้คนเดียว ส่วนคนที่มาแทน Ventor คือ Joe Cangelosi แต่ในปี 1994 Herz ก็ออกจากวง คราวนี้ Christian Giesler ก็เข้ามาเป็นมือเบส  แต่สิ่งที่แย่กว่าก็เกิดขึ้น ทางวงหมดสัญญากับสังกัด Epic Records พวกเขาย้ายไปอยู่กับ G.U.N. Records และด้วยสมาชิกชุดใหม่นี้ ก็ได้อัดอัลบัม "Cause for Conflict" ออกมากู้หน้าในปีนั้นเอง ทำให้ดนตรีมีความเป็นสมัยใหม่มากที่สุดในช่วงนั้น ด้วยส่วนผสมจากซาวนด์ของ Machine Head และ Pantera ผลลัพท์ก็คืองานเพลงที่ดิบกร้าวขึ้นกว่าอัลบัมก่อนหน้า


แต่คามโชคดีก็ไม่ได้ลาวงไปง่ายๆ เมื่อ Blackfire และ Cangelosi ต่างก็พากันออกจากวงไปในปี 1996 แต่ก็ยังดีที่ำได้แหน่งกีตาร์ได้อดีตขุนขวาน Coroner นาม Tommy Vetterli มาเสียบแทน และเซอร์ไพรส์สุดๆ ด้วยการกลับมาของ Ventor แต่ทางวงก็ยังไม่เข็ดอีก ยังคงทดลองซาวนด์ใหม่ๆต่อไป จนออกมาเป็นอัลบัม Outcast และ Endorama ทั้ง 2 ชุดมีกลิ่นอายของ กอธิค และ แอมเบียนต์ กับดนตรี กรูฟ เมทัล และการทดลองเสียงร้องใหม่ๆของ Mille ทำให้ยอดขายตกต่ำลง


ในปี 2001 หลังจากการได้ Sami Yli-Sirnio เข้ามาเล่นกีตาร์แทน Tommy ทางวงก็กลับมาสู่รากเง้าของแธรชเมทัลด้วยอัลบัม Violent Revolution แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่ามันมีซานด์และริฟฟ์ของเมโลดิค เดธ เมทัลด้วย กระนั้นก็ได้รับคำชมจากแฟนๆมากมาย การทัวร์สันบสนุชุดนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และเป็นการแนะนำทางวงให้กับเมทัลเฮดรุ่นใหม่ๆด้วย ในปี 2003 อัลบัมแสดงสด Live Kreation และ DVD บันทึกการแสดงสด Live Kreation: Revisioned Glory ก็วางขายในปี 2003

ในปี 2005 อัลบัม "Enemy of God" ที่เน้นย้ำในซาวนด์ของโกเธนเบิร์กก็ออกวางแผง และอัลบัมนี้ยังทำออกขายในปีต่อไปในชื่อว่า "Enemy of God: Revisited" อีกด้วย ในต้นปีนี้ ทางวงบุกอเมริกาเหนือกับวง  Napalm Death, A Perfect Murder และ The Undying และปี 2008 ก็ออกทัวร์กับ King Diamond, Leaves Eyes และ Cellador แต่อย่างไรก็ดี ทัวร์นี้ถูกยกเลิกเนื่องจากอาการป่วยของ King Diamond



เดือนมีนาคม ทางวงออก DVD ที่รวมเอาผลงานแสดงสด "Live in East Berlin" และ "Hallucinative Comas" มาออกใหม่ใน DVD แผ่นเดียว โดยใช้ชื่อว่า "At the Pulse of Kapitulation " โดยผลงานทั้งคู่เคยนำมาออกในรูปแบบเทป VHS ซึ่งขายหมดไปนานแล้ว

ในปลายปี 2009 ถึงต้นปี 2009 ทางวงก็เริ่มอัดเพลงสำหรับอัลบัมชุดใหม่ โดยใช้ชื่ออัลบัมว่า "Hordes of Chaos" หลังจากนั้น การทัวร์ในนาม "Chaos Over Europe" ก็เริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มต้นที่เมือง Tilburg ในเนเธอแลนด์ โดยมีวง Caliban, Eluveitie และ Emergency Gate เข้าร่วม เดือนเมษายน ทางวงทัวร์อเมริกาเหนือโดยเฮดไลน์ร่วมกับ Exodus และมีวง Belphegor, Warbringer, และ Epicurean ร่วมเล่น ในปลายปี 2009 Ventor ก็ถูกบังคับให้ต้องออกจากทัวร์ไปในระยะสั้นๆ ด้วยเหตุผลส่วนตัว โดยช่วงนั้นทางวงก็ได้ Marco Minnemann มาร่วมเล่นในระยะเวลาสั้นๆ


ทางวงได้เซ็นสัญญากับ Nuclear Blast ในต้นปี 2010 ก่อนออกทัวร์อเมริกาเหนือเพื่อเล่นฉลองครบรอบระยะเวลา 25 ปีที่อยู่ในวงการ โดยมีวงร่วมทัวร์เป็น Exodus ,Death Angel และ Suicidal Angels โดยใช้ชื่อทัวร์นี้ว่า "Thrashfest" โดยเริ่มต้นในช่วงปลายปี 2010

Kreator - Phantom Antichristละเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ทางวงก็ปล่อยอัลบัมที่เหล่าแธรชเชอร์รอคอย นามว่า Phantom Antichrist ชุดนี้นับเป็นการแย่งบัลลังค์ราชาแธรชจากอัลบัม Day of Reckoning ของ Destruction ที่สูสีเอาเรื่องทีเดียว มันยังคงอนุรักษ์ความเกรี้ยวกราดไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ละเพลงมีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่เด่นด้อยไปกว่ากัน ปกเวอร์ชันธรรมดาวาด(รูปล่าง)โดย Wes Benscoter นักวาดภาพผู้เคยผ่านงานกับวง Cattle Decapitation ,Slayer และอีกหลายๆวงมาแล้ว ส่วนปกอีกแบบ(รูปบน)วาดโดย Jan Meininghaus ผู้ผ่านงานวาดปกให้กับ Bolt Thrower ,Falconer ,Mystic Prophecy ไม่เพียงแค่นั้น เวอร์ชันที่มันถูกผลิตเป็นเวอร์ชันจำนวนจำกัด ก็แถมด้วย DVD รวมภาพบรรายกาศการอัดเพลงในอัลบัม รวมทั้ง DVD บันทึกภาพการแสดงที่ Wacken ในปี 2008 และปี 2011 ด้วย แน่ไม่แน่ก็คิดกันเอา

แม้ว่าคุณภาพงานในยุคหลังๆ จะไม่ใช่ในซาวนด์แบบเก่าอย่างใน 5 ชุดแรกแล้ว แต่ก็นับเป็นวงในยุค 80 ที่กลับมาผงาดได้อย่างสง่างามอีกวง อีกทั้งใน 3 ชุดล่าสุด ทางวงก็สามารถนำซาวนด์ของเมโลดิคเดธเมทัล หรือที่เรียกว่า "โกเธนเบิร์ก ซาวนด์" เข้ามาใช้กับงานเพลงได้อย่างมีชาญฉลาดและมีคุณค่า ก็ทำให้เห็นแล้วว่า ทางวงก็ยังสามารถนำดนตรีแธรชมาเล่นกับซาวนด์สมัยใหม่ได้ดีอยู่ ที่เหลือ เรามาดูเถอะครับกันว่าอัลบัมที่กำลังจะออกในอนาคต จะมีอะไรให้เราได้สัมผัสกันบ้าง

สมาชิกปัจจุบัน
Miland "Mille" Petrozza – ร้อง, กีตาร์ (1982–ปัจจุบัน,)
Sami Yli-Sirniö – กีตาร์ (2001–ปัจจุบัน)
Christian "Speesy" Giesler – เบส (1994–ปัจจุบัน)
Jürgen "Ventor" Reil – กลอง, ร้อง (1982–1994, 1996–ปัจจุบัน,)

อดีตสมาชิก

กีตาร์
Michael Wulf (เสียชีวิต) – กีตาร์ (1986, ร่วมแสดงเพียงครั้งเดียว) (ex-Sodom)
Jörg "Tritze" Trzebiatowski – กีตาร์ (1986–1989)
Frank "Blackfire" Gosdzik – กีตาร์ (1989–1996) (Mystic (Bra), ex-Sodom)
Tommy Vetterli – กีตาร์ (1996–2001) (Coroner)

เบส
Roberto "Rob" Fioretti – เบส (1982–1992)
Bogusz Rutkiewicz – เบส (1988, ร่วมทัวร์เพียงหนึ่งครั้งใน Bubapest) (Turbo)
Andreas Herz – เบส (1992–1994)

กลอง
Joe Cangelosi – กลอง (1994–1996) (Whiplash, Massacre)
Marco Minnemann – กลอง (2009 September - ร่วมทัวร์กับวงในเดือนตุลาคม)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น